การสะกดจิตและการรู้ตัว
การสะกดจิตและการรู้ตัว
คำ Hypnotic ฮิปโนทิค มาจากคำ ฮิปนอส แปลว่า หลับ นำมาใช้ในความหมายการสะกดจิ ต เพราะว่ามีวิธีทำให้ผู้ถูก สะกดจิตมีภาวะคล้ายหลับ
ในปัจจุบันข้อเท็จจริงที่ได ้จากการใช้เครื่องวัดคลื่นส มอง (EEG) ทำให้เห็นว่าภาวะถูกสะกดจิต ไม่ใช่การหลับตามปกติ แต่เป็นภาวะตื่น ไม่ปรากฏลักษณะของการหลับตา มระดับทั้งสี่ของการหลับเลย แม้การจะตีความหมายว่าขณะถู กสะกดจิต เป็นภาวะครึ่งหลับครึ่งตื่น ก็ยังเป็นปัญหาที่ยังไม่ยุติลง
การชักนำสู่ภาวะสะกดจิต (Hypnotic induction)
เพื่อให้การสะกดจิตได้ผล บุคคลจะต้องเต็มใจและให้ควา มร่วมมือแก่นักสะกดจิต นักสะกดจิตสร้าง สถานการณ์ชักนำบุคคลเข้าสู่ ภาวะสะกดจิต โดยวิธีใดวิธีหนึ่งก็ได้ ที่ทำให้บุคคลรู้สึกผ่อนคลา ยใช้จินตนาการ และยอมผ่อนการบังคับตนเองให ้แก่นักสะกดจิต และยอมรับการบิดเบือนความจร ิง (reality distortion)
วิธีการที่ใช้กันทั่วไปคือข อให้บุคคลเพ่งสายตาไปที่เป้ าหมายเล็กๆ สักอัน เช่น ที่จุดหรือรอยขีดเล็กๆ บนผนัง ใส่ใจอยู่ที่จุดนั้น ดึงความคิดให้หลุดจากสิ่งอื ่นๆ ทั้งสิ้น และพยายามผ่อนคลายจนจิตสงบค ล้ายหลับ เป็นการสะดวกที่เสนอให้บุคค ลรู้สึกเหมือนหลับเพราะเป็น ภาวะที่คุ้นเคยอยู่แล้วประก ารหนึ่งและ เป็นการปลดเปลื้องความพะวงต ่อสิ่งแวดล้อมใดๆ ทั้งสิ้น แต่นี่ก็เป็นการเปรียบเทียบ เพราะจริงๆ แล้วนักสะกดจิตจะต้องบอกบุค คลว่าอย่าหลับไปเลย
บุคคลจะคอยฟังคำสั่งจากนักส ะกดจิตและจะรู้สึกผ่อนคลายแ ละง่ายดายที่จะรู้สึกหรือทำ ตาม หรือแม้แต่เกิดประสบการณ์ตา มที่นักสะกดจิตเชื้อเชิญ
ในรูปแบบปัจจุบันการสะกดจิต ไม่มีการใช้อำนาจจิตบังคับแ ต่อย่างใดทั้งสิ้น ถ้าหากได้มีการแนะนำและฝึกห ัด แล้ว บุคคลจะสะกดจิตตัวเองก็ได้ หรือจะพูดอีกนัยหนึ่งก็ว่าบ ุคคลเข้าสู่ภาวะสะกดจิต เมื่อสถานการณ์ถูกต้อง พร้อมสรรพ นักสะกดจิตเป็นผู้สร้างสถาน การณ์ได้ ระยะสับเปลี่ยนจากภาวะตื่นเ ข้าสู่ภาวะสะกดจิตไม่ช้านัก ถ้าฝึกฝนบ่อยๆ เวลาก็ยิ่งสั้นเข้า ด้วยวิธีการอันแยบยลเช่นได้ มีโอกาสสังเกตคนอื่นถูกสะกด จิตบุคคล จะสามารถเข้าสู่ภาวะสะกดจิต ได้ อย่างดิ่งและดื่มด่ำ
ลักษณะต่างๆ ของภาวะสะกดจิต (Characteristics of the hypnotic state)
ภาวะถูกสะกดจิตและการเข้าสู ่ภวังค์ (trance) ที่ใช้อยู่ทุกวันนี้เหมือนก ับที่บรรยายไว้ในศตวรรษที่ 19 อันเป็นสมัยที่ การสะกดจิตเฟื่องฟู ประกอบด้วยลักษณะต่อไปนี้ คือ
1. ความคิดนึกที่จะวางแผนงานลด ลง ผู้ถูกสะกดจิตอย่างลึกแล้วจ ะไม่สนใจคิดนึกสิ่งใดโดยตนเ อง จะคอยให้นักสะกด จิตบอกว่า ตนควรจะทำอะไรบ้าง
2. ความสนใจแน่วที่จุดเดียว เมื่อนักสะกดจิตสั่งให้บุคค ลฟังแต่เสียงของเขาคนเดียว บุคคลจะไม่สนใจต่อเสียงอื่น ใดทั้งสิ้น นอก จากเสียงของเขาคนเดียว
3. การสัมผัสกับความจริงลดลง บุคคลยอมรับสิ่งบิดเบือน ปกติบุคคลจะหมั่นตรวจว่า วัตถุที่ตนเห็นที่ตนจับเป็น ของจริงวางอยู่ที่นั่นที่นี ่ในตอนนั้น และไม่ยอมถูกหลอก แต่ในภาวะถูกสะกดจิต บุคคลจะยอมรับภาวะประสานหลอ น เช่น ยกมือลูบไล้กระต่ายบนตักทั้ งที่ไม่มีกระต่าย กล่าวคือยอมทำตามคำสั่งของน ักสะกดจิต ยอมทำในสิ่งที่ตามปกติแล้วเ ขาจะไม่ยอมทำเลย
4. การยินยอมทำตามที่นักสะกดจิ ตชี้นำมีมากขึ้น
5. ผู้ถูกสะกดจิตยอมรับบทบาทพิ เศษต่างๆ เมื่อนักสะกดจิตสั่งให้รับบ ทบาทของใครคนหนึ่ง เช่นผู้ถูกสะกดจิตแสดงบทบาท ของตนเองเมื่อครั้งยังเป็นเ ด็กอยู่ เชื่อกันว่าคนทุกคนย่อมมีวิ สัยผู้แสดงอยู่ในตัว ฉะนั้นถ้านักสะกดจิตอำนวยสถ านการณ์ผ่อนคลาย ให้เกิดขึ้น ความรู้สึกหักห้ามของผู้ถูก สะกดจิตจะคลายลงจนหมด ทำให้การแสดงบทบาทราบรื่นได ้ผลดี ซาร์บิน (1956) มีความเชื่ออย่างแน่นแฟ้นว่ า คนเราทุกคนมีความสามารถที่จ ะแสดง เขาจึงตั้งเป็นหลักไว้เลยว่ า การสะกดจิตควรบรรจุการแสดง บทบาทไว้ด้วย (Sarbin 1965)
6. ผู้ถูกสะกดจิตลืมเหตุการณ์ร ะหว่างสะกดจิต ผู้ถูกสะกดจิตที่มีความคล้อ ยตามมากๆ บางรายลืมเหตุการณ์ที่เกิดข ึ้นระหว่าง สะกดจิต เมื่อเขาถูกปลุกออกจากภาวะน ั้น เขาลืมว่าเขาทำอะไรไปแล้วบ้ าง จะกว่านักสะกดจิตจะให้สัญญา ณสักอย่างตามที่ กำหนดไว้ล่วงหน้า ผู้นั้นจะรื้อฟื้นเหตุการณ์ ได้ ทั้งนี้เป็นไปตามคำสั่งของน ักสะกดจิต กล่าวคือ ผู้ถูกสะกดจะลืมเหตุการณ์ได ้ทั้งหมด หรือบางส่วนที่เกิดขึ้นระหว ่างสะกดจิต เมื่อได้รับสัญญาณอนุญาตจึง ได้ความจำกลับคืนมา ตัวอย่างพฤติกรรมที่นักสะกด จิตสั่งให้ นักศึกษาจำนวนหนึ่งปฎิบัติท ี่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดสหรั ฐอเมริกา เช่น ให้ยืนเอน ให้ยกแขน ข้างหนึ่งค้างไว้เป็นต้น ปริมาณการลืม ว่าตนทำอะไรลงไปบ้าง ไม่เหมือนกันทุกคน บางคนลืมเหตุการณ์ทั้งหมด บางคนลืมบางส่วน แต่การลืมบังเกิดขึ้นจริงจั งถือว่าเป็น ปรากฎการณ์
ใครบ้างถูกสะกดจิตได้
เป็นที่ยอมรับว่า บางคนถูกสะกดจิตได้เร็วกว่า บางคน และมีบางคนไม่ยอมรับการสะกด เลย ถึงแม้นักสะกดจิตจะสร้าง สถานการณ์หว่านล้อม และคล้อยตามเพียงใดก็ดีมีรา ยงานของ Vogt เมื่อศตวรรษที่ 19 แสดงไว้ว่าบุคคลคนหนึ่งอาสา รับทดลองสะกดจิตบุคคลนั้นถู กสะกดจิตได้สำเร็จในครั้งที ่หกร้อยในสถานการณ์ ตามปรกติที่ปฏิบัติกันถือว่ าครั้งเดียว ก็พอแล้วที่จะแสดงว่า บุคคลผู้หนึ่งสามารถรับการส ะกดจิตได้หรือไม่
นักสะกดจิตได้กำหนดบทตรวจสอ บไว้ว่า ถ้าบุคคลผ่านท่าทางดังนี้ๆ จึงจะถือว่าสามารถรับการสะก ดจิตได้ บทตรวจสอบ อันหนึ่งมีท่าทางต่างๆ 12 อย่าง เรียกว่าบททดสอบความสามารถร ับสะกดจิตของมหาวิทยาลัยสแต นฟอร์ด มีตัวอย่างเช่น ยืนแล้วล้มลง หลับตา ยกมือลง ยกมือค้างไว้ ประสานนิ้ว เป็นต้น
ฮิลการ์ด รายงานไว้ว่า บุคคลที่ยอมรับการสะกดจิตได ้ดีคือบุคคลที่ชอบทดลองประส บการณ์ใหม่ๆ เป็นผู้สนในเรื่องจิต มิใช่ว่าจะต้องมีบุคลิกภาพอ ่อนหรือชอบพึ่งพา จะเห็นได้จากคนไข้โรคประสาท บางคนไม่ยอมรับการสะกดจิตเล ย บุคคลที่รับ การสะกดจิตง่ายได้แก่ ลูกของพ่อแม่ที่ดื่มด่ำในรส จินตนาการ เช่น บุคคลชอบอ่าน ชอบศาสนา ชอบดนตรี ชอบธรรมชาติ ประสบการณ์วัยเด็กที่อำนวยต ่อการสะกดจิตเกี่ยวกับการถู กลงโทษ ทั้งนี้อธิบายได้เป็นสองนัย คือ นัยที่หนึ่งเป็นการปลูกฝังน ิสัย ยอมอ่อนน้อมโดยไม่ปริปากอย่ างอัตโนมัติ และนัยที่สองเป็นการหนีจากก ารทรมานเข้าสู่โลกแห่งจินตน าการ การปลดตัวจาก สิ่งหนึ่ง (dissociation) เป็นประสบการณ์ที่ใช้มากในก ารรับสะกดจิต
ประสบการณ์วัยเด็กที่เอื้อต ่อการรับสะกดจิตดังกล่าวแล้ ว ได้รับการยืนยันจากนักศึกษา ที่เล่าถึงประสบการณ์ของตนเ อง ส่วนประเด็นที่ว่าลูกของพ่อ แม่ที่มีนิสัยโน้มน้าวไปทาง ศาสนา หรือดนตรี จะสามารถรับสะกดจิตได้ดีนั้ นยังมิได้มีการศึกษา ที่ยืนยันเพียงพอ อย่างไรก็ตามเป็นที่ยืนยันก ันว่าเด็กรับการสะกดจิตได้ง ่ายกว่าผู้ใหญ่
ความสำคัญของการศึกษา ค้นคว้าเรื่องสะกดจิต
เรื่องสะกดจิตเป็นเรื่องที่ เคยเฟื่องฟู้อยู่ระยะหนึ่ง ฟรอยด์เองก็เคยศึกษาและนำมา ใช้กับคนไข้ ต่อมาภายหลังจึงเลิกไปและ หันมาศึกษาจิตวิเคราะห์ และเกิดความรู้จนสามารถสร้า งเป็นทฤษฎีขึ้น อย่างไรก็ดีนักจิตวิทยากลุ่ มหนึ่งรื้อฟื้นการสะกดจิต ขึ้นศึกษาเพราะเห็นประโยชน์ ที่จะนำมาใช้ในการรักษาพยาบ าล เช่น การทำฟัน การคลอดลูก ประโยชน์ที่ได้คือ
1. บรรเทาความตึงเครียดของอารม ณ์และผ่อนคลายความวิตกกังวล
2. บรรเทาความเจ็บปวดโดยนักสะก ดจิตเสนอว่า ไม่รู้สึก หรือ ไม่เจ็บ
นอกจากนี้แล้วจิตเวช (psychotherapy) นำการสะกดจิตไปใช้ประโยชน์ไ ด้ ดังจะอธิบายไว้ในบทที่ 21 นักจิตวิทยาหวังว่าด้วย การศึกษาเรื่องสะกดจิตในทำน องวิทยาศาสตร์ คงจะทำให้เรื่องสะกดจิตมิใช ่เป็นแค่เรื่องทำเล่นสนุกๆ หรือเป็นศาสตร์เถื่อนดังที่ เคยเป็นมาแล้ว
สมาธิ และการเปลี่ยนระดับสำนึกโดย ตนเอง
เพราะว่ามนุษย์สามารถคิดได้ และฝันได้ (think and dream) มนุษย์จึงสามารถล่วงพ้น (transcend) ชีวิตประจำวัน และก้าวขึ้นสู่ความสำนึกอีก ระดับหนึ่ง ทำให้สามารถละจากสำนึกเรื่อ งจุกจิกประจำวันและเข้าสู่ส ำนึกระดับที่สามารถ ใคร่ครวญคิดค้น (contemplate) โดยการดึงเอาทัศนะ (visions) มาได้จากทั่วทิศ ตั้งแต่โบราณกาลมาแล้วมีบุค คลที่ถอนตัวเอง ออกไปจากสังคมมุ่งสู่ป่าและ ยอดเขา อดอาหาร ฝึกตนเองด้วยบทวิธีต่างๆ หรือหาประสบการณ์แบบสงบรำงั บเป็นการขยาย สำนึกออกสู่สิ่งใหม่อย่างลึ กซึ้งกว้างขวาง การแสวงหาเยี่ยงนี้มักจะเป็ นในลักษณะของศาสนาคือค้นหาค วามจริงแท้ที่ห้อมล้อม ตัวเราอยู่ แต่เป็นสิ่งที่เราไม่อาจสัม ผัสได้เพราะเรามิได้ฝึกฝน
ปัจจุบันชาวตะวันตกจำนวนไม่ น้อยเกิดความไม่พึงพอใจต่อส ิ่งที่เขาเห็นว่าทำให้ชีวิต เสื่อมโทรม (corruption of life) ด้วยการหลงใหลกับวัตถุที่ผล ิตออกมาอย่างล้นเหลือด้วยกา รเผาผลาญทรัพยากรธรรมชาติอย ่างไม่ลดละ พากันหันมาสนใจกับวิธีการฝึ กสำนึกเพื่อเป็นหนทางไปสู่ก ารแสวงหาคุณค่าอันเป็นสัจจะ
คำ Hypnotic ฮิปโนทิค มาจากคำ ฮิปนอส แปลว่า หลับ นำมาใช้ในความหมายการสะกดจิ
ในปัจจุบันข้อเท็จจริงที่ได
การชักนำสู่ภาวะสะกดจิต (Hypnotic induction)
เพื่อให้การสะกดจิตได้ผล บุคคลจะต้องเต็มใจและให้ควา
วิธีการที่ใช้กันทั่วไปคือข
บุคคลจะคอยฟังคำสั่งจากนักส
ในรูปแบบปัจจุบันการสะกดจิต
ลักษณะต่างๆ ของภาวะสะกดจิต (Characteristics of the hypnotic state)
ภาวะถูกสะกดจิตและการเข้าสู
1. ความคิดนึกที่จะวางแผนงานลด
2. ความสนใจแน่วที่จุดเดียว เมื่อนักสะกดจิตสั่งให้บุคค
3. การสัมผัสกับความจริงลดลง บุคคลยอมรับสิ่งบิดเบือน ปกติบุคคลจะหมั่นตรวจว่า วัตถุที่ตนเห็นที่ตนจับเป็น
4. การยินยอมทำตามที่นักสะกดจิ
5. ผู้ถูกสะกดจิตยอมรับบทบาทพิ
6. ผู้ถูกสะกดจิตลืมเหตุการณ์ร
ใครบ้างถูกสะกดจิตได้
เป็นที่ยอมรับว่า บางคนถูกสะกดจิตได้เร็วกว่า
นักสะกดจิตได้กำหนดบทตรวจสอ
ฮิลการ์ด รายงานไว้ว่า บุคคลที่ยอมรับการสะกดจิตได
ประสบการณ์วัยเด็กที่เอื้อต
ความสำคัญของการศึกษา ค้นคว้าเรื่องสะกดจิต
เรื่องสะกดจิตเป็นเรื่องที่
1. บรรเทาความตึงเครียดของอารม
2. บรรเทาความเจ็บปวดโดยนักสะก
นอกจากนี้แล้วจิตเวช (psychotherapy) นำการสะกดจิตไปใช้ประโยชน์ไ
สมาธิ และการเปลี่ยนระดับสำนึกโดย
เพราะว่ามนุษย์สามารถคิดได้
ปัจจุบันชาวตะวันตกจำนวนไม่
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น