The Godfather
"ผมจะยื่นข้อเสนอที่คุณปฏิเสธไม่ได้"
The Godfather (1972,1974,1990)
เป็นเรื่องที่อ่านและดูหลายรอบก็ยังได้อะไรหรือทบทวนสิ่งที่รู้แล้วได้เรื่อยๆ
อีกหนึ่งเรื่องที่เป็นหนังโปรดในดวงใจ ดูกี่ครั้งก็ลุ้นและอินไปกับเนื้อหา ยิ่งเปลี่ยนระยะเวลาดูยิ่งเห็นหลาย ๆ มุมที่ตอนอายุน้อย ๆ ไม่เคยคิดถึง
หนังเรื่องนี้ทำให้ไปค้นอ่านวัฒนธรรมของชาวซิซีเลี่ยนกันทีเดียว และอีกคำพูดของชาวซิซีลีก็เด็ดก็คือ
"การแก้แค้นที่หอมหวานที่สุด คือ เมื่อเย็นแล้ว"
มันบ่งบอกนิสัยชนชาติที่น่าสะพรึงได้ชัดเจน
Godfather หลายคนแปลตรงตัว "พ่อพระ(เจ้า)" หรือ ทับศัพท์หนัง "เจ้าพ่อ" ซึ่งไม่ใช่.... ก็อดฟาเธอร์ แปลเป็นภาษาไทยก็คือ "พ่อทูนหัว" เหมือน Godmother ก็คือ "แม่ทูนหัว" คำนี้ไม่ได้หมายถึงพ่อแม่บังเกิดเกล้า แล้วไม่ใช่คำเรียกสามีหรือภรรยาที่ยกย่องมาก และไม่ใช่พ่อแม่อุปถัมภ์ด้วยแต่ความหมายจริงคือ พ่อแม่ทางคริสตศาสนาที่ยืนยัน ช่วยอบรมสั่งสอนและรับรองเด็กในพิธีศีลล้างบาป (ผู้ใหญ่ก็ได้นะ ถ้าล้างบาปตอนโต) ซึ่งก็คือ พ่อแม่ทางจิตวิญญาณที่จะช่วยพยุงให้มีความเชื่อ ใกล้กับ คุณพ่อทางจิตวิญญาณแต่นั่นจะเป็นบาทหลวงเฉพาะที่เป็นที่ปรึกษาทางความเชื่ออย่างเข้มข้น
ในเรื่องมีการอ้างอิงเกี่ยวกับคริสตศาสนาเยอะ เพราะพื้นเพของตัวละครมาจากซิซีลีซึ่งเป็นเกาะตอนใต้ของอิตาลี แน่นอนว่านับถือคริสต์โรมันคาทอลิกกันทั้งหมด ชุมชนที่เห็นภาคแรกและสองคือชุมชนชาวอิตาเลี่ยนเป็นหลัก ซึ่งพวกเขายกให้ผู้ที่น่ายกย่องเป็น "ดอน" แต่ไม่ใช่ "ก็อตฟาเธอร์" นะคะ ก็อตฟาเธอร์จะต้องเป็นพ่อทูนหัวเท่านั้น เห็นหลายคนเข้าใจผิดกัน
ตอนเด็กดูตื่นเต้น เร้าใจ ตอนนี้ดูแล้วสงสารตัวละคร "ไมเคิ้ล" ชีวิตคนเรามันก็ไม่ต่างจากละครจริง ๆ ใครจะคิดว่าการขึ้นมาจุดสูงสุดและจุดสุดท้ายของ "วีโต" กับ "ไมเคิ้ล" จะเหมือนและแตกต่างกันได้ขนาดนี้
สำหรับหนังชอบมากสุดคือภาค 3 เพราะอะไร คิดมาตลอดว่านี่คือ "แก๊งสเตอร์" นะ ไม่ใช่ฮีโร่มาปกป้องสังคม พวกเขาเป็นคนเลวที่ออกมากระทำเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตัวเองเท่านั้น และคนเลวเหล่านี้มีเต็มไปหมด แสดงออกมากน้อยก็แล้วแต่ฐานะและเหตุการณ์
แล้วคนเลวควรได้รับเป็นแบบอย่างผดุงความยุติธรรมเหรอ ไม่...
จุดจบของภาค 3 จึงตอบโจทย์มาก สุดท้ายจะไม่เหลืออะไรเลย แต่คนส่วนใหญ่กลับไม่ชอบภาค 3 ทั้งที่ตัวเองคิดว่ามันพีคสุดๆ
ชอบเรื่องนี้มากจนตามไปอ่านงานแนวมาเฟียของผู้เขียนทุกเรื่องแต่ที่ยังหาไม่ได้คือ The Family (ไม่มีปัญญาอ่านอิง) แล้วก็ทำให้ไปอ่านแนวมาเฟียของผู้เขียนคนอื่นๆ ด้วย แต่ก็ชอบสไตล์ของพุชโซที่สุด เพราะท้ายสุดท้ายผู้เขียนจะบอกเสมอว่า
"ตัวละครเหล่านี้คือคนเลว"
อยากเขียนให้ได้แบบนี้ และนำเสนอให้ได้แบบนี้ ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้เขียนจนจบมั้ย ยอดคนซื้อน้อยลงเรื่อยๆ ยิ่งนำเสนอประเด็นหนักเท่าไรยิ่งไม่มีผู้ติดตาม
ถอนใจ
และ 1 ในเพลงประทับจากเรื่องนี้ speak softly love ฟังกี่ครั้งก็สะเทือนอยู่ลึก ๆ
Speak softly, love and hold me warm against your heart
I feel your words, the tender trembling moments start
We're in a world, our very own
Sharing a love that only few have ever known
Wine-colored days warmed by the sun
Deep velvet nights when we are one
Speak softly, love so no one hears us but the sky
The vows of love we make will live until we die
My life is yours and all because
You came into my world with love so softly love
คำแปล
กระซิบคำรักของเธอสิ ยอดรัก แล้วโอบฉันนี้ไว้แนบดวงใจของเธอ
ฉันรับรู้คำรักของเธอแล้วผ่านเสียงกระซิบแผ่วหวานอันสั่นพร่า
สองเราต่างก็อยู่ร่วมกันบนโลกใบนี้ โลกที่ทุกอย่างเป็นของเรา
มอบรักแก่กันและกัน ความรักซึ่งผู้ใดก็มิอาจล่วงรู้
ทิวากาลสีแดงดุจดั่งผลองุ่น อบอุ่นด้วยเปลวเพลิงแห่งดวงอาทิตย์
รัตติกาลอันมืดมิดดุจหนึ่งคลุมด้วยกำมะหยี่ เวลาที่สองเรารวมเป็นหนึ่ง
กระซิบคำรักของเธอ ยอดรัก เพื่อที่พยานรักของเราจะมีเพียงผืนฟ้า
คำสาบานแห่งรักของสองเราในครานี้ จะผูกมัดเราไปจนวันม้วยมรณา
ชีวิตของฉันเป็นของเธอ และนั่นก็เป็นเพราะ...
เธอก้าวเข้ามาในโลกของฉัน ด้วยคำกระซิบพร่ำรักของเธอโดยแท้
เครดิตเนื้อเพลงและคำแปล
- http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=latewinter&month=25-06-2009&group=6&gblog=33
เครดิต
- https://www.netflix.com/th-en/title/60011153
- https://schoolworkhelper.net/mario-puzos-the-godfather-summary/
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น