ไซ่จินฮัว วีรสตรีนางโลม
“หน้าด้าน ใจแคบ ไร้คุณธรรม คุณสมบัติแบบนี้คงเป็นคุณสมบัติของปัญญาชน” – ไซ่จินฮัว
ไซ่จินฮัว วีรสตรีนางโลม
เป็นนิยายที่เขียนขึ้นจากบุคคลจริงในประวัติศาสตร์จีน
ตัวเองยังไม่ได้อ่านเล่มนี้แต่เคยดูซีรี่ย์ที่สร้างจากชีวิตของไซ่จินฮัวมาก่อน ข้อเขียนเหล่านี้จึงเขียนจากความจำจากการดูซีรี่ย์มากกว่าตัวหนังสือ (เพราะยังไม่ได้อ่าน)
ไซ่จินฮัวเป็นเด็กหญิงที่ถูกขายมาเป็นนางโลม แต่ดันได้แต่งเข้าเป็นเมียอันดับรอง ๆ ของขุนนางใหญ่ เพราะความฉลาดและมนุษยสัมพันธ์ดีรวมถึงอายุยังน้อย สามีที่ต้องเดินทางเป็นทูตในประเทศตะวันตกจึงนำเธอไปด้วย เธอจึงอยู่ในตำแหน่งเมียแต่ง (ก็แต่งจริง ๆ นะ แต่ฝรั่งจะคิดว่าเมียแต่งก็คือเมียเอกคนเดียวไม่ได้นึกถึงวัฒนธรรมตะวันออกที่จะมีเมียหลวง เมียน้อย อนุไม่นับตำแหน่ง) ของท่านทูตจีน
ไซ่จินฮัวเป็นผู้หญิงที่มีไหวพริบดีจึงทำให้คนใหญ่คนโตในตะวันตกชื่นชมและชอบเธอ รวมถึงมีจังหวะที่ได้เปิดเผยความสามารถและได้ช่วยเหลือภรรยาคนใหญ่คนโตเหล่านั้นทำให้เธอยิ่งเป็นที่รู้จักและเกรงใจในชาวต่างชาติ แต่พอกลับมาที่จีนมรสุมชีวิตก็กระหน่ำมา สามีของเธอตาย เธอถูกตระกูลสามีขับไล่ออกมาจึงต้องกลับมาประกอบอาชีพเป็นนางโลมอีกครั้ง
เหตุการณ์ที่เธอเป็นที่จดจำคือ เหตุการณ์บุกปักกิ่งของกองทัพพันธมิตรแปดชาติ ตอนนั้นชาวจีนหนีตายไม่เว้นแม้แต่ราชสำนักแต่ผู้หญิงเพียงคนเีดียวก็คือ ไซ่จินฮัว ออกไปห้ามทัพและการนองเลือดในครั้งนั้น และสิ่งที่ทำให้เธอหยุดทัพนั้นได้คือสัมพันธ์อันดีที่เคยมีกันมาก่อน ผู้นำทัพชาติตะวันตกในตอนนั้นจึงเห็นแก่เธอยอมถอนกำลังออกไป
เธอได้เข้าเฝ้าพระนางชูสีแต่สุดท้ายก็ต้องตายเพราะพวกชนชั้นสูงเหล่านั้นหาทางใส่ร้ายว่าเธอขายชาติ
วาจาคมของเธอคือ "บุปผางามย่อมมีวันโรยรา"
คำนี้เธอไว้สอนเด็กหญิงทั้งหลายว่าเป็นผู้หญิงเมื่อหมดความงดงาม หมดวัยสาว ก็จะหมดคุณค่าเพราะฉะนั้นจงรีบกอบโกยช่วงเวลาที่เปี่ยมไปด้วยพลังของมนุษย์ไว้ให้เต็มที่อย่าปล่อยให้เสียเปล่า
.......
เอ็นทรี่นี้ต่อเนื่องจากเอ็นทรี่เก่า ไซ่จินฮัว วีรสตรีนางโลม ตอนนั้นยังไม่ได้อ่านหนังสือจึงเขียนเนื้อหาจากภาพยนตร์ที่เคยดูแต่ตอนนี้อ่านจบแล้วและจะเจาะลงชีวประวัติของผู้หญิงคนนี้ สิ่งที่อ้างอิงหลัก ๆ คงเป็นหนังสือเล่มเดิมที่ซื้อมาซึ่งบางส่วนค่อนข้างจะชัดเจนว่าเป็นนวนิยายที่แต่งเติมให้ดูสนุกสนาน จึงต้องสืบค้นจากทางเน็ทเพิ่ม และประกอบภาพยนตร์และงิ้วที่เคยไปดูตอนเล็ก ๆ ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับไซ่จินฮัว
ที่เพิ่มเรื่องหนังและงิ้วที่เคยดูตอนเด็กเพราะเพิ่งรู้ว่า “ไซ่จินฮัว” คือที่มาของคำว่า “กิมฮวย” เพราะในสำเนียงแต้จิ๋วคำว่า “จิวฮัว” อ่านว่า “กิมฮวย” งิ้วที่ดูเป็นสำเนียงแต้จิ๋วจึงออกเสียง “ไซกิมฮวย”
ข้อมูลหนังสือ
ไซ่จินฮัว วีรสตรีนางโลม (ไม่ทราบชื่อหนังสือภาษาจีน)
ผู้เขียน เคอซิง , ผู้แปลและเรียบเรียง รัถยา สารธรรม
สำนักพิมพ์ธรรมชาติ พิมพ์ครั้งแรก : กันยายน 2539 หนา 512 หน้า ราคา 300 บาท
นวนิยายเรื่องนี้เขียนขึ้นใหม่โดย “เคอซิง” และใช้เค้าโครงมาจากเรื่อง “เนี่ยไห่ฮัว” ซึ่งเขียนโดยผู้เขียน 2 คน คือ “จินสงเฉิน” เขียน 6 บทแรก จากนั้น “จึงผู” เป็นผู้เขียนเนื้อหาส่วนที่เหลือ
เรื่อง “เนี่ยไห่ฮัว” ส่งอิทธิพลและปลูกฝังภาพพจน์ของไซ่จินฮัวแง่ลบใส่ไปในความคิดของชาวจีนในยุคนั้นและยุคต่อ ๆ มามาก เนื้อหาของเนี่ยไห่ฮัวตอกย้ำถึงการเหยียดฐานะชนชั้นทางสังคมต่อผู้หญิงที่เป็นนางโลมในยุคนั้น ในเรื่องมีการใช้ภาษาในบรรยายฉากสมสู่อย่างหยาบโลนเป็นเหตุให้คนจีนติดเรียกผู้หญิงส่ำสอนว่า “จินฮัว” ตามซึ่งอคติเช่นนี้ก็ได้ติดมากับคนจีนแต้จิ๋วที่อพยพมาไทยด้วยโดยเป็นที่มาของคำด่าว่า “กิมฮวย” ที่แปลว่าว่า “ดอกไม้สีทอง” นั่นเอง
ซึ่งตอนแรกคำว่า “ดอกทอง” แมวน้ำคิดว่ามาจาก “สุวรรณมาลี ใน พระอภัยมณี” มาตลอด แล้วคนจีนค่อยรับมาแล้วเรียกตามว่า “กิมฮวย” ก็งงไม่น้อยว่านิสัยของสุวรรณมาลีไม่ได้ทำเรื่องหยาบช้านอกใจสามีทำไมถึงถูกนำชื่อไปใช้ในเชิงนั้น วันนี้ถึงเพิ่งมารู้ว่าจริง ๆ ว่าคำด่า “กิมฮวย” นั้นมาจากไหน
นิยายที่นำมาอ้างอิงเล่มนี้เหมือนเป็นเรื่องที่เขียนเพื่อโต้กลับ “เนี่ยไห่ฮัว” เต็ม ๆ คือมีบางส่วนที่ยกย่องไซ่จินฮัวเกินไปซ้ำยังจงใจมองข้ามข้อเสียของไซ่จินฮัวไปดื้อ ๆ แม้จะมีการอ้างอิงจากนักเขียนและนักประวัติศาสตร์ที่รวบรวมข้อมูลของไซ่จินฮัวใหม่โดยยกบทสัมภาษณ์ไซ่จินฮัวตัวจริงที่ยังมีชีวิตอยู่ในตอนนั้นและเอกสารจากสถานทูตเยอรมันกับญาติของนายพลวัลเดอร์ซีมาเสริมแต่การละไม่พูดถึงนิสัยแง่ลบของไซ่จินฮัวทำให้นิยายเล่มนี้ขาดน้ำหนักในความคิดของแมวน้ำไประดับหนึ่ง
เนื้อเรื่อง ประวัติ เกร็ดจากเรื่อง
“ไซ่จินฮัว” ชื่อจริงคือ “เจ้าหลิงเฟย” (แซ่เจ้า ชื่อหลิงเฟย ที่แปลว่าจิตทะยานบิน) เกิด 9 ค่ำ เดือน 10 ค.ศ. 1872 แต่จะถูกเรียกว่า “ไฉ่หวิน” ที่แปลว่าเมฆสีสวย บรรพบุรุษเป็นชาวอานฮุย ปู่เดินทางมาตั้งรากฐานที่เมืองซูโจว ครอบครัวมีฐานะยากจน
ไฉ่หวินเป็นเด็กหน้าดีเมื่อแตกเนื้อสาวก็ยิ่งจัดว่าเป็นเด็กสาวที่สวยมากจึงถูกทาบให้มาทำงานเป็นหญิงบริการ ในยุคนั้นหญิงบริการหรือนางโลมมี 2 แบบ คือ พวกแรกจะบริการแค่พูดคุย รินเหล้า วาดรูป เล่นดนตรี ขับกลอน ร่ายรำ กับพวกที่ 2 ที่จะขายตัวด้วย ไฉ่หวินเป็นพวกแรกจนเมื่อได้เจอ “หงเหวินซิง” ซึ่งเป็นจอหงวนแต่อายุมากแล้ว เธอก็รับแขกครั้งแรกและแต่งเป็นเมียน้อยของหงเหวินซิง
ไฉ่หวินมีเพื่อนสมัยเด็กคนหนึ่งเป็นเด็กชายชื่อ “จึงผู” จึงผูหลงรักไฉ่หวินแต่เมื่อเธอแต่งงานกับคนที่เขาเทียบไม่ได้จากรักก็กลายเป็นแค้น (จึงผูนี่เองที่ต่อมาสอบได้เป็นบัณฑิตและเขียนนิยาย “เนี่ยไห่ฮัว” ออกมาโจมตีและทำลายชีวิตของผู้หญิงที่เขาเคยรัก)
ช่วงที่อยู่กับหงเหวินซิงนั้นเป็นเวลาที่ไฉ่หวินรุ่งโรจน์ที่สุด มีหน้าตา เกียรติและฐานะระดับสูงในสังคมตะวันตก
ค.ศ. 1887 หงเหวินซิงได้รับตั้งแต่ให้เป็นราชทูตไปประจำที่เบอร์ลินประเทศเยอรมัน ไฉ่หวินติดตามไปในฐานะภริยาทูตจีนและทำหน้าที่ได้เกินเกียรติที่ได้รับเสียอีกจนหงเหวินซิงเอ่ยปากว่า “ถ้าไม่มีภรรยาคนนี้เขาคงไม่สามารถทำหน้าที่ทูตในยุโรป ได้ราบรื่นและประสบความสำเร็จเลย”
ไฉ่หวินมีทักษะด้านภาษาที่ดีมาก บทกวียาก ๆ ที่หงเหวินซิงเคยท่องให้ฟัง ไฉ่หวินฟังครั้งเดียวก็จำได้ พอมาถึงเยอรมันเธอใช้เวลาเพียงไม่ถึง 2 เดือนเธอก็ฟังพูดภาษาเยอรมันได้คล่อง และใช้เวลาไม่ถึงเดือนก็สามารถฟังพูดภาษาอังกฤษได้อีกภาษาจนเธอได้เป็นล่ามให้กับสามีของเธอเองในงานเลี้ยงต่าง ๆ ของชนชั้นสูง
ประกอบกับเธอจัดเป็นคนที่สวยมาก ใครเห็นใครก็หลง และนิสัยที่ช่างเจรจา ร่าเริง มีมุกตลก ฉลาด มีไหวพริบ รู้จังหวะการเข้าสังคม รู้กจัการวางตัวและการสร้างไมตรี มีรสนิยมในการแต่งตัว การเลือกรายการอาหารรับรองแขก, เครื่องใช้, ของขวัญ ทันทีที่ได้เปิดตัวเข้าเฝ้ากษัตริย์วิลเฮล์มที่ 2 และราชินีวิคเตอเรียเป็นครั้งแรก เธอก็เป็นที่โปรดปรานของราชินีวิคเตอเรียและบรรดาชนชั้นสูงในเยอรมัน จนถึงระดับที่ราชินีวิคเตอเรียให้ช่างกล้องส่วนพระองค์มาถ่ายรูปคู่กับเธอโดยเฉพาะ
ซึ่งตอนนี้เอง ไฉ่หวินก็ได้รู้จักกับ “เคานท์วัลเดอร์ซี” และสนิทสนมกับมาดามแมรี่ ภรรยาของท่านเคานท์มาก (ในภายหน้าเคานท์วัลเดอร์ซีคนนี้เองที่ได้ตำแหน่งผู้นำกองทัพชาติตะวันตกที่บุกยึดครองปักกิ่ง)
เธอมีโอกาสได้ไปอีกหลายประเทศเช่น รัสเซีย ฮอลแลนด์ ออสเตรีย ซึ่งไม่ว่าจะไปที่ไหนไฉ่หวินก็สร้างความประทับใจและความชื่นชมให้กับชาวตะวันตกเหล่านั้น เธอโด่งดังจนถูกเรียกว่า “หญิงงามแห่งตะวันออก”
แต่สำหรับขุนนางจีนที่ติดตามคณะทูตมาด้วยกลับเหยียดหยามดูถูกเพราะพื้นเพเธอคือหญิงนางโลม โดยเฉพาะ “ไฉเหยินฟาน”ขุนนางฝ่ายบู๊ได้แสดงท่าทีรังเกียจอย่างเด่นชัดจนต้องถูกส่งกลับจีนก่อนกำหนด เขาผูกใจเจ็บจนอยากแก้แค้นหงเหวินซิงและไฉ่หวิน (และไฉเหยินฟานคนนี้ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้สามีของเธอตายหลังจากกลับประเทศจีน)
เมื่อครบกำหนด ไฉ่หวินกับสามีก็เดินทางกลับประเทศจีนพร้อมกับลูกสาวที่เกิดในเยอรมันด้วยอีกคน ทันทีที่เธอกลับมาถึงประเทศจีนเธอก็ต้องกลับมาอยู่ในฐานะเมียน้อยที่โดนกดขี่ทันที ลูกสาวถูกแยกไปเลี้ยงที่อื่นเพราะอาชีพเก่าของเธอเป็นเหตุและลูกสาวเธอก็ยังถูกบังคับไม่ให้เรียกเธอว่า “แม่”
ไม่นานหงเหวินซิงก็ถูกใส่ร้ายว่าให้ข้อมูลแผนที่ชายแดนจีน-รัสเซียแก่ราชสำนักผิดทำให้ถูกปลดจากตำแหน่ง (ซึ่งสาเหตุเกิดจากไฉเหยินฟานขโมยแผนที่นั้นไปให้ต่างชาติตอนที่ยังอยู่ในเบอร์ลิน) เหตุการณ์นี้ทำให้เขาซึ่งชราแล้วเริ่มป่วยหนักและตายในที่สุด
เมื่อสามีตาย ไฉ่หวินก็โดนไล่ออกจากตระกูลของสามีทันที โดยเงินที่สามีเตรียมไว้ให้ก่อนตายคนในตระกูลนั้นก็ริบหมด และไม่ให้เธอนำลูกสาวของเธอไปอยู่ด้วย รวมถึงป้ายความผิดว่า “เพราะเธอทำให้ไฉเหยินฟานโกรธแค้นจนสามีต้องตาย” ซึ่งตัวการใหญ่ในการขับไล่เธอออกจากตระกูลคือ “ลู่ยุ่นเสียง” น้องชายสามี
ไฉ่หวินถึงจะฉลาดแต่ในสมัยนั้นผู้หญิงไม่มีบทบาทในสังคมจีน ในที่สุดเธอก็ต้องตัดสินใจมาเปิดหอนางโลมซึ่งการเปิดหอนางโลมนั้นเธอจำเป็นจะต้องมีพ่อบ้านด้วย พ่อบ้านของหอนางโลมก็เหมือนนักเลงรวมกับแมงดาคือคอยจัดการแขกที่มีปัญหาและเกาะฝ่ายเมียกินโดยไม่ได้ไปประกอบอาชีพอื่น ไฉ่หวินก็ได้เลือก “ซุนซันเอ๋อ” มาอยู่ในฐานะนี้ซึ่งในวงการนางโลมจะรู้ดีว่าซุนซันเอ๋อจะทำหน้าที่เป็นสามีทั้งทางพฤตินัยและนิตินัย
ตรงนี้ผู้เขียนจงใจข้ามเรื่องการรับแขกของไซ่จินฮัวทั้งหมดโดยเขียนราวกับเธอทำหน้าที่เป็นแม่เล้าอย่างเดียวไม่ยอมเปื้อนราคีเพราะยังระลึกถึงหงเหวินซิง แต่ในความเป็นจริงถึงไม่มีหลักฐานชัดเจนแต่การเป็นนางโลมของไซ่จินฮัวย่อมต้องมีการหลับนอนกับลูกค้าประกอบด้วย รวมถึงการมีสัมพันธ์กับซุนซันเอ๋อซึ่งเป็นสามีทั้งในนามและทางลับ
แม้ว่าจะเคยมีลูกแล้วแต่ไฉ่หวินยังสาวและยังคงเป็นผู้หญิงที่สวยและฉลาดมาก ประกอบกับการเคยเป็นฮูหยิน (น้อย) ของจอหงวน (จอหงวอนเป็นตำแหน่งที่ได้รับการนับถือมาก การสอบแข่งขันยากมาก สิบปีหรือยี่สิบปีจะมีจัดสักครั้งและบรรดาบัณฑิตที่มาสอบนับหมื่นนับแสนจะมีเพียงคนเดียวที่ได้ตำแหน่งนี้ คนที่ได้ตำแหน่งจะได้แต่งตั้งเป็นขุนนางระดับสูงทันที) และมีตำแหน่ง, ชื่อเสียงอันโด่งดังในต่างประเทศส่งผลมาถึงชื่อเสียงในประเทศจีนเองด้วยทำให้เธอมีลูกค้าซึ่งแล้วแต่เป็นคนใหญ่คนโตไม่ว่าจะขุนนาง นายทหาร บัณฑิตมีชื่อเสียง นักข่าว นักปฏิวัติ หนึ่งในนั้นคือ “หลี่หงจัง” เสนาฯ ชั้นผู้ใหญ่ที่จะเป็นตัวแทนพระองค์เจรจาขอสงบศึกในช่วงหลัง
กิจการของเธอรุ่งเรืองมาก หอนางโลมของเธอจัดอยู่ในระดับ “ซูวี่” ซึ่งเป็นระดับสูงสุดและกอบโกยเงินทองได้มหาศาล แต่เธอก็ไม่อาจสะสมสิ่งได้เหล่านั้นไปใช้ตอนบั้นปลายชีวิตได้เลย
ในเวลาที่มีปัญหาไฉ่หวินไม่สามารถไปขอความช่วยเหลือกับลูกค้าเหล่านั้นได้เพราะส่วนใหญ่จะไม่ยอมรับว่ารู้จักกับเธอด้วยซ้ำ ตรงนี้จะเห็นถึงค่านิยมที่เหยียดอาชีพนางโลมได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าเธอจะเคยทำเรื่องดี ๆ มาแค่ไหนก็จะถูกรังเกียจเพราะยังไงเธอก็คือโสเภณี
ตามนิยายกล่าวว่าไม่ใช่ว่าไฉ่หวินจะไม่อยากเลิกอาชีพนางโลม แต่ค่านิยมคนจีนสมัยนั้นผู้หญิงต้องแต่งงาน เธอไม่มีความสามารถอื่นที่จะเลี้ยงตัวเองและครอบครัวและไม่สามารถหาผู้ชายดี ๆ ที่จะรับเลี้ยงเธอได้ด้วยเหตุจากชื่อเสียงและตำแหน่งฮูหยินจอหงวนในอดีตของเธอเองทำให้พวกมีชาติกูลจะไม่ยอมรับแต่งเข้าบ้านและพวกไร้สกุลก็ไม่กล้าแตะต้อง
“บุปผางามโรยร่วงตามกาลรวดเร็วนักเป็นวัฏจักรใครฤๅต้านทานไหว สายน้ำไม่เคยหยุดไหลกาลเวลาไม่หวนกลับ”
บทกวีนี้คือสิ่งที่ไซ่จินฮัวเรียนจากหงเหวินซิงและท่องสอนลูกน้องในสำนักนางโลม เป็นสิ่งที่สะท้อนความคิดของคนในยุคนั้นที่มีต่อ “ผู้หญิง” ได้อย่างมาก ผู้หญิงในยุคนั้นจะมีคุณค่าเมื่อแรกสาวเท่านั้นและไม่สามารถหาเลี้ยงตัวเองได้ต้องพึ่งพ่อและสามี ถ้าในช่วงที่ยังสดใหม่ไม่สามารถหาคนรับช่วงดูแลต่อจากบิดาได้อนาคตก็มีแต่มืดดับ ดังนั้นเมื่อได้โอกาสกอบโกยจงเก็บ เมื่อมีจังหวะจงรีบคว้า
ช่วงนี้คือช่วงที่ไฉ่หวินเปลี่ยนมาใช้ชื่อไซ่จินฮัวและตั้งสำนักนางโลมชื่อเดียวกับตน เธอต้องย้ายไปจากเมืองหนึ่งไปสู่อีกเมืองหนึ่งเรื่อย ๆ เพราะชื่อเสียงอันโด่งดังของเธอทำให้ขุนนางท้องถิ่นไม่ชอบและชอบหาวิธีขับไล่ ประกอบกับเป็นช่วงที่มีสงครามทัพพันธมิตรทำให้เธอต้องหยุดกิจการชั่วคราว
15 สิงหาคม ค.ศ. 1900 (เหตุการณ์นี้แมวน้ำไม่แน่ใจว่าเป็นเรื่องแต่งหรือเรื่องจริง) ชูสีไทเฮาและฮ่องเต้ปลอมตัวเป็นชาวบ้านหนีออกจากปักกิ่ง แต่ระหว่างที่กำลังจะถูกทหารเยอรมันจับตัวได้ไซ่จินฮัวได้เข้ามาเจรจากับกองทหารเหล่านั้นด้วยภาษาเยอรมันและชี้แจงว่าคนในขบวนไม่ใช่ราชวงศ์ กองทหารจึงเปิดทางให้ชูสีไทเฮาหนีไปพระราชวังฤดูร้อนที่ซีอานได้สำเร็จ
ในเวลานั้นจีนไม่เหลือสภาพของความรุ่งโรจน์ในอดีตอีกแล้ว ทหารจาก 8 ชาติยกทัพตีเมืองหลวงแตก เข่นฆ่าผู้คน ข่มขืน ปล้นชิงทรัพย์ เผาทำลายเมือง ผู้แทนพระองค์คือ “หลี่หงจัง” และ ”ชิ่งอ๋อง” ทำหน้าที่เป็นผู้เจรจาขอสงบศึกแต่ไม่สำเร็จเพราะเงื่อนไขนั้นสาหัสเกินไปคือ “ต้องประหารพระนางชูสีและให้ฮ่องเต้ไปขอโทษพระเจ้าวิลเฮล์มที่เยอรมัน”
ไซ่จินฮัวเวลานั้นอยู่ในปักกิ่งด้วยและทหารเยอรมันก็เข้าบุกเตรียมปล้นทรัพย์สินในบ้านที่เธอเช่า แต่เพราะภาษาและรูปถ่ายของเธอที่ถ่ายคู่กับราชินีวิคเตอเรียทำให้เธอได้ไปพบสหายเก่า “เคาท์วัลเดอร์ซี” ซึ่งเวลานี้มีตำแหน่งเป็นนายพลและผู้นำกองทัพพันธมิตรที่วังต้องห้าม (German Field Marshal Alfred von Waldersee )
นายพลวัลเดอร์ซียังจำมาดามหงอดีตภริยาราชทูตจีนประจำเบอร์ลินได้ เขาให้เกียรติและรับฟังคำขอของเธอโดยการออกคำสั่งให้ทหารหยุดปล้นชิงทรัพย์และทำร้ายประชาชน รวมถึงการปล่อยขุนนาง ชนชั้นสูงจำรวนมากที่ถูกจับและนำไปใช้แรงงานอย่างหนักตอนเข้ายึดเมือง นั่นรวมถึงไฉเหยินฟานผู้ซึ่งทำให้สามีคนแรกของเธอตายและลู่ยุ่นเสียงน้องชายสามีที่ไล่เธอออกจากตระกูลหง
จึงผูผู้เขียนฉบับเดิม “เนี่ยไห่ฮัว” เคยหลงรักและไม่สมหวังกับไซ่จินฮัว เขาดูถูกเธอว่าเป็นหญิงต่ำช้าไม่ต่างจากชนชั้นสูง หรือขุนนางคนอื่น ๆ และคิดแค้นคอยโอกาสทำลายไซ่จินฮัวตั้งแต่ตอนที่เธอแต่งงานครั้งแรก
เหตุการณ์ตรงนี้จึงผูใส่เรื่องคาวโลกีย์ของไซ่จินฮัวกับนายพลวัลเดอร์ซีและขุนนางรวมถึงนายทหารชั้นสูงของตะวันตกและจีนอย่างหยาบคายลงงานเขียนของเขา ป้ายสีอย่างดูหมิ่น เขียนกระทั่งให้ไซ่จินฮัวมีสัมพันธ์กับวัลเดอร์ซีบนบัลลังก์มังกรของชูสีไทเฮา และมีอีกสารพัดเรื่องบัดสีที่ทำให้หนังสือนั้นอื้อฉาว
ซึ่งเรื่องทั้งหมดนักประวัติได้สืบหาข้อเท็จจริงทั้งจากการคุยกับตัวไซ่จินฮัวเองและข้อมูลจากทางญาติของเคานท์วัลเดอร์ซี รวมถึงผู้เกี่ยวข้อง ทำให้ได้ตระหนักว่านิยายเรื่องนี้คือ “การบิดเบือนใส่ความอย่างร้ายกาจจากผู้ที่ถูกยกย่องว่าเป็นบัณฑิต”
นอกจากหลักฐานจากคนอื่น ๆ แล้ว คำพูดที่จึงผูหลุดพูดให้ลูกพี่ลูกน้องตนเองคนหนึ่งทราบเมื่อถูกถามว่า “เรื่องโสมมของไซ่จินฮัวเป็นเรื่องจริงหรือไม่?” และเขาตอบว่า “ไม่ เขาเขียนเองขึ้นหมด เพราะเขาไม่รู้ว่าไซ่จินฮัวไปรู้จักกับวัลเดอร์ซีได้อย่างไร” ก็ได้กลายเป็นข้อมูลสำคัญให้รู้ว่า...
ความคิดที่ชาวจีนในยุคนั้นถูกยัดเยียดใส่หัวว่า “ไซ่จินฮัว คือ ผู้หญิงสกปรกขายชาติเอาตัวเข้าแลกกับฝรั่ง” เป็นสิ่งที่ถูกแต่งขึ้น
คุณงามความดีจากการที่ไซ่จินฮัวขอร้องให้ทหารเยอรมันหยุดทำร้ายประชาชนที่ไม่มีทางสู้ ขอให้ปล่อยขุนนางสำคัญ แม้กระทั่งเงื่อนไขที่สำคัญที่สุดในการเจรจาครั้งนั้นอย่าง “ต้องประหารพระนางชูสีและให้ฮ่องเต้ไปขอโทษพระเจ้าวิลเลี่ยมที่เยอรมัน” เธอก็ไปช่วยพูดขอร้อง “นางเกตเตอะเลอร์” ภรรยาของทูตเยอรมันที่ถูกกบฏนักมวยฆ่าผู้ยื่นข้อเสนอให้ยอมใจอ่อนเข้าใจเหตุผลของวัฒนธรรมและยกเลิกเงื่อนไขนี้ได้สำเร็จจนเปลี่ยนมาเป็นสร้างอนุสาวรีย์เพื่อขอขมาแทน สิ่งเหล่านี้ถูกเบี่ยงประเด็นให้ประชาชนรุ่นหลังเข้าใจผิดทั้งสิ้น
แต่หลักฐานหนึ่งซึ่งผู้มีหน้าตาและชื่อเสียงทางสังคมแต่รังเกียจนางโลมปฏิเสธไม่ได้คือ ไม่ว่าใครก็ตามที่เดือดร้อนต่างเคยนำข้าวของไปขอร้องไซ่จินฮัวมาแล้วทั้งสิ้น และประชาชนที่ได้รับการช่วยเหลือจากเธอก็ล้วนแต่เรียกเธอว่า “ไซ่เอ้อเย” รวมถึงตัวแทนพระองค์ที่มาขอให้เธอช่วยในทางลับด้วย
เมื่อทุกอย่างยุติ ไซ่ฉินฮัวเป็นที่นับถือของชนชั้นล่างและชาวตะวันตกก็ชื่นชมความกล้าของเธอ แต่สำหรับชนชั้นสูงแล้วมันคือการหักหน้าพวกเขาอย่างแรง ความเกลียดความแค้นความริษยาผลักดันให้คนเหล่านั้นหาทางทำลายไซ่จินฮัวไม่เว้นกระทั่งพระนางชูสีเอง
มีข้อมูลว่าชูสีไทเฮาได้เรียกไซ่จินฮัวเข้าเฝ้าจริงแต่ก็ไม่พบว่าพระนางจะประทานรางวัลอะไรให้กับเธอแม้แต่อย่างเดียว และที่ย่ำแย่กว่านั้นคือ “แผนการขับไล่เธอออกจากปักกิ่ง” ก็ได้เริ่มต้นขึ้น
(ตรงนี้แมวน้ำไม่แน่ใจว่าเป็นฟิคชั่นหรือข้อเท็จจริง) พวกราชสำนักและขุนนางใช้จังหวะที่เธอเปิดหอนางโลมอีกครั้งยัดข้อหาว่าเธอบังคับเด็กหญิงและฆ่าเพราะเด็กหญิงไม่สมยอมทำงานบริการ พวกเขาจะจับเธอเข้าคุกและจะประหารแต่เพราะทูตเยอรมันออกหน้าจึงเปลี่ยนจากประหารเป็นเนรเทศแทน ซุนซันเอ๋อพ่อบ้านและสามีตามพฤตินัยใช้โอกาสนี้ขายเด็กในสังกัดไปซ่องอื่นทั้งหมดและหอบสมบัติของเธอหนีไป แต่หลังจากนั้นไม่กี่ปีเขาก็ป่วยตาย
ไซ่จินฮัวพาแม่กลับมาซูโจวบ้านเกิดอีกครั้ง ครั้งนี้เธอตั้งใจจะไปรับลูกสาวจากตระกูลหงและเลิกอาชีพนางโลม แต่ลูกสาวกลับจำไม่ได้และไม่ยอมรับว่าเธอเป็นแม่ ไม่นานลูกสาวของเธอก็ตายทำให้ความหวังสุดท้ายของเธอพังทลายลง
ไซ่จินฮัวเจอผู้ชายอีกคนชื่อ “เฉายุ่ยจง” แต่ก็ไม่นานเขาก็ด่วนตายอีก ซ้ำพอเขาตายเมียเก่าก็มาทวงทรัพยสินทั้งหมดไปอีก เธอจึงต้องไปเซี่ยงไฮ้ประกอบอาชีพนางโลมอีกครั้ง
การกลับมาเซี่ยงไฮ้ครั้งนี้ จึงผูออกนิยายฉาวโฉ่ “เนี่ยไห่ฮัว” จาระไนพฤติกรรมสำส่อนและโจมตีเธออย่างชั้นต่ำ มันทำให้ชื่อเสียงของเธอยิ่งดัง ส่วนนิยายก็ขายดีแต่ตัวเธอไม่เคยมีโอกาสได้แก้ต่างให้กับตัวเองเลย
ค.ศ. 1913 ไซ่จินฮัวพบกับ “เว่ยซือหลิง” เขาเคยสอบเป็นบัณฑิตได้ตำแหน่งจี่เหริน (ตำแหน่งต่ำกว่าจอหงวน) และทำงานให้หลี่เลี่ยจิน เมื่อการปฏิวัติครั้งที่ 2 ล้มเหลวก็ถูกตามจับจนมาพบไซ่จินฮัว เธอช่วยส่งเขาไปพบกับดร.ซุนยัตเซ็นที่ญี่ปุ่นได้สำเร็จ หลังจากนั้น 5 ปีเขาได้กลับมาที่จีนรวมกับคณะปฏิวัติและได้ตำแหน่งสมาชิกรัฐสภา จัดการหย่าขาดเมียหลวง เมียน้อยทั้งหมดและจดทะเบียนกับไซ่จินฮัว โดยมีหลี่เลี่ยจินเป็นประธาน และรับหลานของสามีมาเลี้ยงเหมือนลูก
เธออยู่อย่างมีความสุขได้ไม่นาน ค.ศ. 1921 แม่ก็ตาย สามีก็ตาย ญาติของสามีและลูกจากเมียเก่าก็มาทวงสิทธิทุกอย่างไปจนหมดเช่นเคย น่าเศร้ากว่านั้นคือหลานชายของสามีที่เธอเลี้ยงเหมือนลูกกลับรังเกียจเมื่อรู้ว่าเธอเคยเป็นนางโลมและปฏิเสธการพบกับเธออีกทั้งชีวิต
นี่คือการตอกย้ำค่านิยมการกดขี่เพศหญิงของชาวจีนอีกครั้ง แม้ว่าจะผ่านยุคสมัยการปฏิวัติมาแล้วชาวจีนก็ยังคงเหยียดเพศหญิงว่าต่ำกว่าเพศชาย พวกเขายอมรับให้มีการค้าประเวณีอย่างถูกกฎหมายออกหน้าออกตาแต่ในทางสังคมแล้วพวกเขากลับไม่ยอมรับผู้หญิงที่ทำอาชีพนั้นหรือเคยทำอาชีพนั้น ไม่ว่าผู้หญิงคนนั้นจะมีความสามารถหรือทำคุณงามความดีให้กับประเทศชาติมากแค่ไหน พวกเขาชื่นชมและอยากรู้จักในแง่ความโด่งดังแต่ไม่ยอมนับถือเป็นสหายหรือยอมรับเป็นเครือญาติ
หลังเว่ยซือหลิงตายไซ่จินฮัวก็ไม่ประกอบอาชีพนางโลมอีกแล้ว ไม่แม้แต่จะยอมเป็นแค่แม่เล้า เธอทิ้งอาชีพนั้นลงเพื่อสามีคนสุดท้ายที่เธอรักจริง
ไซ่จินฮัวหายไปจากความสนใจของชาวจีนแต่หลังจากนั้น 13 ปี “ก่วนอี้เสียน” นักข่าวและบรรณาธิการชื่อดังของหนังสือพิมพ์เสี่ยวสือเป้าได้พบเบาะแสของไซ่จินฮัวที่เมืองเป่ยผิง เธอกลายเป็นหญิงแก่ที่ยากจนมากไม่มีแม้กระทั่งเงินที่จะจ่ายค่าเช่าบ้านราคาถูก
ตัวจริงของไซ่จินฮัวตอนนั้นแม้จะอายุ 63 ปี แต่มองผิวเผินจะดูเหมือนไม่เกิน 45 ซึ่งเป็นคุณสมบัติของหญิงงามที่เธอมีตั้งแต่เล็ก เธอจะดูอ่อนเยาว์กว่าอายุจริงเสมอ
ก่วนอี้เสี้ยนนำข่าวนั้นตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ของเขาซึ่งทำให้กลายเป็นข่าวดัง ส่งผลถึงการกลับมามีชื่อเสียงของไซ่จินฮัวอีกครั้งและมีคณะละครมากมายนำเรื่องของเธอไปแสดงทั้งในแง่ลบและแง่บวก
ถึงจะมีคนยื่นมือเข้ามาให้ความช่วยเหลือมากมายแต่ไซ่จินฮัวยังคงยืนยันอยู่ในชุมชนแออัดย่านเทียนเฉียวเช่นเดิม สิ่งที่เธอหวังคือการปรากฏตัวของ ศาสตราจารย์ “หลิวปั้นหนง” แห่งมหาวิทยาลัยปักกิ่งและศิษย์ “ซังหงขุย” เพราะสองคนนี้คือบุคคลที่มาชำระประวัติศาสตร์จีนใหม่และให้ความยุติธรรมกับชีวิตของผู้หญิงที่เป็นวีรสตรีคนหนึ่งของจีน
สุดท้ายเมื่อกระแสข่าวซาลง ไซ่จินฮัว หรือชื่อจริง “เว่ยเจ้าหลิงเฟย” (“เว่ย” สกุลสามีคนสุดท้าย “เจ้า” สกุลตนเอง) ก็กลับมามีสภาพยากจนเช่นเดิม
8 ธันวาคม ค.ศ. 1936 เว่ยเจ้าหลิงเฟยตายโดยไม่มีญาติพี่น้องและลูกหลานแท้ ๆ มาดูใจมีแต่คนรับใช้ที่ติดตามเธอตั้งแต่สมัยยังสาวเท่านั้น หลังจากเธอตาย “ซุนผู่ชิง” อดีตนายกสมาคมพ่อค้าเป็นเจ้าภาพจัดงานศพให้เธออย่างสมเกียรติ โดยมีคนในแวดวงสังคมมากมายมาร่วมในงาน ศพสวดที่วัดซันเซิ่งอัน เมื่อครบ 3 วันก็นำไปฝังที่วัดเถาหยางถิง
แม้ว่าประวัติศาสตร์จะถูกชำระและตีความใหม่แล้วแต่จนถึงปัจจุบันการปลูกฝังใส่ความคิดของคนจีนว่า “ไซ่จินฮัวคือนางโลมที่ไม่สมควรยกย่อง” ก็ยังมีอยู่อย่างเหนียวแน่น คณะละครหลายคณะยังนำเรื่องของเธอไปแสดงอย่างเสื่อมเสีย, หนังสือประวัติบางฉบับยังไม่ยอมรับว่าเธอมีบทบาทสำคัญในการช่วยประชาชนและเกลี้ยกล่อมให้ความขัดแย้งยุติ โดยเฉพาะเจ้าของผลงาน “เนี่ยไห่ฮัว” จินสงเฉินและจึงผูที่ปฏิเสธที่จะเขียนคำไว้อาลัยให้เธอด้วยเหตุผลว่า “การทำเช่นนั้นทำให้เขาเสียศักดิ์ศรี”
ตรงข้ามกับชาวต่างชาติที่ชื่นชมและเห็นความสำคัญของเธอ
นี่คือเรื่องราวของผู้หญิงคนหนึ่งที่ถูกตีตราบนประวัติศาสตร์ว่า “วีรสตรีนางโลม”
ลำดับการทำอาชีพนางโลมของไซ่จินฮัวเริ่มจาก
- เซี่ยงไฮ้ ร้าน “เจ้าเมิ่งหลันซูวี่” (ใช้ฉายาว่า “เมิ่งหลัน”) ถูกลู่ยุ่นเสียง (น้องสามีคนแรก) ซึ่งเป็นขุนนางเขียนบทความโจมตีใส่ร้ายจนไม่สามารถอยู่ในเมืองต่อได้
- เทียนสิน ร้าน “ไซ่จินฮัว” (ไซ่ แปลว่า เหนือกว่า , จินฮัว แปลว่า ดอกไม้สีทอง ความหมายของร้านคือ เหนือกว่าซ่องจินฮัวเก่า) (ใช้ฉายา “ไซ่จินฮัว”) เป็นช่วงรุ่งโรจน์ทางอาชีพมากที่สุดและชื่อเสียงโด่งดังมากที่สุด แต่มีเหตุต้องเดินทางเข้าปักกิ่งเพราะคำเชิญของขุนนางใหญ่ที่เธอปฏิเสธไม่ได้
- ปักกิ่ง ร้าน “ไซ่จินฮัว” (ใช้ฉายา “ไซ่จินฮัว”) ถูกกวาดล้างไล่ที่จากทางการ
- เทียนสิน ร้าน “ไซ่จินฮัว” (ใช้ฉายา “ไซ่จินฮัว”) เกิดกรณีพิพาททางศาสนาที่ซานตุง (1898) และ “อี้เหอถวน” หรือ กบฏนักมวย (1900) ทำให้ทัพตะวันตกเข้าตีเทียนสินทำให้ต้องย้ายหนีไปทงโจวและปิดกิจการชั่วคราว
- ปักกิ่ง ร้าน “ไซ่จินฮัว” (ใช้ฉายา “ไซ่จินฮัว”) ถูกกวาดล้างไล่ที่จากราชสำนักและทางการ ถูกไล่ออกจากปักกิ่ง
- เซี่ยงไฮ้ ร้าน “ไซ่จินฮัว” (ใช้ฉายา “ไซ่จินฮัว”) เลิกทำกิจการอย่างถาวรเมื่อเจอ “เว่ยซือหลิง” สามีคนสุดท้าย
เครดิตรูป
http://fr.wikipedia.org/wiki/Sai_Jinhuahttp://www.thairath.co.th/column/life/sundayspecial/17363http://www.blike.net/en/news/2011-02-16/19806-%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B9%84%E0%B8%8B%E0%B9%88-%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%AE%E0%B8%A7%E0%B8%B2-%E0%B8%96%E0%B8%B6%E0%B8%87-%E0%B8%9F%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%99-%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%87-%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%99%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%9A-100-%E0%B8%9B%E0%B8%B5http://10000046481.8.sunbo.net/show_hdr.php?xname=VB9AG41&dname=PVCAG41&xpos=8http://www.citybury.com:8080/showItem/showDetail/12138501.htmlhttp://www.chinaexpat.com/2010/01/18/a-most-memorable-courtesan.html/http://www.google.com/imgres?um=1&hl=th&sa=N&biw=1024&bih=653&tbm=isch&tbnid=MX7tEBkK10ETJM:&imgrefurl=http://scenery.cultural-china.com/chinaWH/upload/upfiles/2010-03/18/&docid=zRaxshyCUmIzRM&imgurl=http://scenery.cultural-china.com/chinaWH/upload/upfiles/2010-03/18/sai_jinhua__famous_prostitute_and_ambassadors_wife0dda25b47013a95fe5cb.jpg&w=470&h=352&ei=EQidUITNC4f5rQeTmIDgBA&zoom=1&iact=hc&vpx=340&vpy=306&dur=163&hovh=194&hovw=259&tx=176&ty=70&sig=101059677831711223548&page=1&tbnh=145&tbnw=188&start=0&ndsp=17&ved=1t:429,r:7,s:0,i:90http://english.kaiwind.com/Pictures/news/201210/t154017.htmhttp://news.xinhuanet.com/english/photo/2012-10/21/c_131919967.htmhttp://en.8880328.com/sight/view/49328http://www.tripadvisor.in/Attraction_Review-g293912-d2035706-Reviews-Jinhua_Temple-Tainan.htmlhttp://commons.wikimedia.org/wiki/File:Sjh.jpghttp://www.chinapost.com.tw/photos/default.asp?ID=352823&GRP=Hhttp://www.w-e-b-s-p-o-r-t-s.com/Female/e/action/ShowInfo.php?classid=13&id=9964http://www.loveallnews.com/news-278277-Photo:-Absolute-Beauty-Premiere---Sai-Jinhua-came-to-Shanghai-to-open-the-written-word.htmlhttp://www.loveallnews.com/news-488022-Photo:-Liu-played-live-Sai-Jinhua:-Age-is-not-on-stage-drama-problem.htmlhttp://en.bestroyalart.com/creation_detail_action.do?cid=652http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/6/6a/Wilhelm_II%2C_German_Emperor%2C_by_Russell_%26_Sons%2C_c1890.jpghttp://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/f/f7/Wilhelm_II_of_Germany.jpghttp://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/2/2c/Wilhelm_II_%2B_Auguste_Viktoria.jpghttp://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/4/42/Bundesarchiv_Bild_102-01286%2C_Kaiserin_Auguste_Viktoria.jpg
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น